ปัจจุบัน"พลาสติก"ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันเป็นอย่างมากซึ่งอยู่ในรูปของผลิตภัณฑ์เพื่อการอุปโภคและบริโภค ได้ผลิตขึ้นมาเพื่อใช้งานกันอย่างมากมายและหลากหลาย เนื่องจากผลิตภัณฑ์จากพลาสติกนั้นมีราคาถูก น้ำหนักเบา ทนต่อความชื้นและสามารถขึ้นรูปได้ง่ายกว่าวัสดุอื่นๆ แต่ผลที่ตามมาคือการกำจัดภายหลังการใช้งานและมักถูกใช้งานเพียงครั้งเดียวแล้วทิ้งกาลายเป็นขยะ ส่งผลให้เกิดขยะเป็นจำนวนมาก ซึ่งส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศและก่อให้เกิดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก ในประเทศไทยขยะส่วนใหญ่มาจากบรรจุภัณฑ์พลาสติกในอุตสาหกรรมอาหาร เช่น ถุงพลาสติก กล่องพลาสติก รวมถึงกล่องโฟมพลาสติกซึ่งเป็นวัสดุที่ย่อยสลายได้ยาก วิธีกำจัดที่เหมาะสมคือการนำมารีไซเคิล แต่พลาสติกทางการแพทย์ กล่องโฟมบรรจุอาหาร หรือถุงขนมรวมถึงพลาสติกที่มีลวดลายสวยงามซึ่งส่วนใหญ่ทำลายด้วยการกลบหรือเผา ซึ่งปัญหาขยะบรรจุภัณฑ์เหล่านี้นับวันยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น
“โฟมพลาสติก” เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้งที่ปริมาณการใช้สูง ขยะจากบรรจุภัณฑ์ประเภทนี้นับวันจะยิ่งทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมาก ในปัจจุบันประเทศไทยเองนั้นขยะโฟมที่เกิดขึ้นในแต่ละปีมีจำนวนมากขึ้นทุกปี โดยเฉพาะในเมืองหลวง ทำให้ยากต่อการทำลายและคัดแยก ค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บก็สูงกว่าขยะมูลฝอยทั่วไป เนื่องจากว่าโฟมเป็นวัสดุสังเคราะห์ที่ย่อยสลายไม่ได้เองตามธรรมชาติหรือย่อยสลายได้ช้ามาก อาจต้องใช้เวลาย่อยสลายยาวนานทั้งช่วงชีวิตของคนคนทีเดียว ทำให้ต้องใช้กระบวนการพิเศษและค่าใช้จ่ายสูงในการย่อยสลายอย่างถูกวิธี ถ้าจะใช้วิธีฝังกลบก็ไม่เป็นการเหมาะสมเท่าที่ควร เพราะโฟมพลาสติกมีขนาดใหญ่ รูพรุนมาก น้ำหนักเบา ทำให้เปลืองเนื้อที่ที่ทำให้เกิดปัญหาในเรื่องพื้นที่ตามมาโดยเฉพาะในเมืองหลวงใหญ่ นอกจากนี้การเผาทำลายยังปล่อยก๊าซซีเอฟซี (CFCs: Chlorofluorocarbons) ที่เป็นตัวทำให้ฟูฟอง ซึ่งเป็นสารที่มีส่วนทำลายโอโซนในชั้นบรรยากาศส่งผลให้โลกร้อนขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้ว่าปัจจุบันไม่ได้ใช้สารซีเอฟซีแต่ใช้ก๊าซบิวเทน (Butane) หรือเพนเทน (Pentane) เป็นตัวทำให้ฟูฟ่อง (Blowing Agent) แทนก็ตาม แต่ก็ยังสร้างปัญหามลพิษและกระบวนกำจัดยังต้องใช้ต้นทุนสูงอยู่ ปัจจุบันได้มีการลดขยะโฟมโดยการนำกลับมีรีไซเคิลใช้ใหม่แต่ก็ยังเป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้น เพราะไม่คุ้มต่อการลงทุน
“โฟมพลาสติก” เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้งที่ปริมาณการใช้สูง ขยะจากบรรจุภัณฑ์ประเภทนี้นับวันจะยิ่งทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมาก ในปัจจุบันประเทศไทยเองนั้นขยะโฟมที่เกิดขึ้นในแต่ละปีมีจำนวนมากขึ้นทุกปี โดยเฉพาะในเมืองหลวง ทำให้ยากต่อการทำลายและคัดแยก ค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บก็สูงกว่าขยะมูลฝอยทั่วไป เนื่องจากว่าโฟมเป็นวัสดุสังเคราะห์ที่ย่อยสลายไม่ได้เองตามธรรมชาติหรือย่อยสลายได้ช้ามาก อาจต้องใช้เวลาย่อยสลายยาวนานทั้งช่วงชีวิตของคนคนทีเดียว ทำให้ต้องใช้กระบวนการพิเศษและค่าใช้จ่ายสูงในการย่อยสลายอย่างถูกวิธี ถ้าจะใช้วิธีฝังกลบก็ไม่เป็นการเหมาะสมเท่าที่ควร เพราะโฟมพลาสติกมีขนาดใหญ่ รูพรุนมาก น้ำหนักเบา ทำให้เปลืองเนื้อที่ที่ทำให้เกิดปัญหาในเรื่องพื้นที่ตามมาโดยเฉพาะในเมืองหลวงใหญ่ นอกจากนี้การเผาทำลายยังปล่อยก๊าซซีเอฟซี (CFCs: Chlorofluorocarbons) ที่เป็นตัวทำให้ฟูฟอง ซึ่งเป็นสารที่มีส่วนทำลายโอโซนในชั้นบรรยากาศส่งผลให้โลกร้อนขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้ว่าปัจจุบันไม่ได้ใช้สารซีเอฟซีแต่ใช้ก๊าซบิวเทน (Butane) หรือเพนเทน (Pentane) เป็นตัวทำให้ฟูฟ่อง (Blowing Agent) แทนก็ตาม แต่ก็ยังสร้างปัญหามลพิษและกระบวนกำจัดยังต้องใช้ต้นทุนสูงอยู่ ปัจจุบันได้มีการลดขยะโฟมโดยการนำกลับมีรีไซเคิลใช้ใหม่แต่ก็ยังเป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้น เพราะไม่คุ้มต่อการลงทุน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น